ศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพก
เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนก็ปรารถนาที่จะมีสะโพกผาย ดูมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง เสริมสเน่ห์ให้บั้นท้ายของเราชวนมอง ไม่ว่าจะแต่งชุดแบบไหน กางเกงยีนส์ กางเกงรัดรูป ชุดบิกินี ก็สวยมั่นใจ สาวๆ คนไหนที่อยากจะมีสะโพกที่สวยงาม ได้รูป เซ็กซี่ การศัลกรรม เสริมสะโพก ให้สวยได้สัดส่วน และปลอดภัยถูกต้องตามหลักการแพทย์ ต้องทำโดยศัลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่โรงพยาบาลเอเซีย
การศัลกรรมเสริมสะโพกมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนไทยในปัจจุบันมีคนเข้ามาปรึกษาว่าต้องการที่เสริมก้นหรือเสริมสะโพกให้มีความนูน มีสัดส่วนที่ดีขึ้นจำนวนมาก
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
Toggle- รีวิวเสริมสะโพก เสริมก้น
- ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมสะโพก
- ตำแหน่งการวางซิลิโคน
- ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมสะโพก
- การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมสะโพก
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทางไลน์ ฟรี!!
Before & After
วัสดุที่ใช้ในการเสริมก้น เสริมสะโพก
ในปัจจุบันวัสดุที่ใช้ในการเสริมก้นแล้วได้ผลดี จะเป็นถุงซิลิโคน คล้ายกับถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก แต่ว่าจะทำมาเฉพาะสำหรับการเสริมก้นเสริมสะโพกเลย สิ่งที่แตกต่างกัน ตัวถุงซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมสะโพกเสริมก้นที่ได้มาตราฐาน อย่างแรกคือ ตัวผิวจะทำด้วยโพลิเมอร์ที่หนากว่า เพราะฉะนั้นจะรองรับต่อแรงกระแทก รองรับต่อการนั่ง การออกกำลังกายได้มากกว่าซิลิโคนของหน้าอก ส่วนซิลิโคนที่อยู่ด้านในถุง จะมีความหนืดที่มากกว่า การเลือกซิลิโคน อย่างแรกก็ต้องเลือกว่าจะใช้ซิลิโคนแบบผิวเรียบหรือผิวทราย ทรงกลมหรือทรงรี การเลือกทรงกลมหรือทรงรีต้องดูโครงสร้างด้วย
ซิลิโคนทรงกลม เวลาเสริมจะได้รูปทรงเนินก้นด้านบนที่เยอะ ข้อเสียคือความเป็นธรรมชาติจะน้อยกว่า
ซิลิโคนทรงหยดน้ำ ความนูนจะอยู่ด้านล่าง คล้ายๆ กับทรงหยดน้ำของซิลิโคนเสริมหน้าอก จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
การเลือกทรงจึงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเป็นหลัก สำหรับคนที่สะโพกเนื้อก้นส่วนมากอยู่ด้านล่างมากอยู่แล้ว ก็ควรเสริมทรงกลมเพื่อเติมด้านบน แต่บางคนเนื้อก้นส่วนมากอยู่ด้านบน ด้านล่างไม่ค่อยมี ก็ใช้ทรงรีเพื่อเติมเต็มก้นส่วนล่างให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ
ตำแหน่งการวางซิลิโคน
- ใส่ซิลิโคนใต้ผิวหนัง แพทย์จะเสริมซิลิโคนไว้ใต้ผิวหนัง แต่อยู่บนชั้นกล้ามเนื้อ ข้อดีของการเสริมซิลิโคนใต้ผิวหนังคือ ปลอดภัย ไม่อันตราย เพราะตำแหน่งนี้ไม่มีเส้นประสาทใหญ่ๆ เมื่อเสริมแล้วสะโพกจะนูนได้สัดส่วนที่สวยงาม ส่วนข้อเสียคือ หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ มีโอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุได้
- ใส่ซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อ ข้อดีคือ โอกาสซิลิโคนทะลุน้อยกว่าวิธีแรก เพราะซิลิโคนอยู่ลึกจากผิวหนังมากกว่า ส่วนการผ่าตัดนั้นซับซ้อนกว่าทำได้ยากกว่า เพราะกล้ามเนื้อมีเส้นประสาทเยอะ จะต้องผ่าตัดโดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ ในปัจจุบันวิธีเสริมสะโพกนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด ข้อเสียคือ หลังผ่าตัดเสริมก้นเสริมสะโพกจะมีอาการปวดมากกว่าแบบแรก
เตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมก้น เสริมสะโพก
งดยาแก้ปวด แอสไพริน ทุกชนิด
งดเครื่องดื่มที่ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ก่อนเข้ารับผ่าตัด 2 สัปดาห์ งดสูบบุหรี่
งดอาหารเสริมทุกประเภท
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด 6 ชั่วโมง งดน้ำและอาหาร
หากแพ้ยาหรือมีโรคประจำตัว เพื่อความปลอดภัยต้องแจ้งแพทย์
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมก้น เสริมสะโพก
ก่อนผ่าตัดคนไข้ต้องเข้าพบแพทย์เพื่อพูดคุยตกลงถึงความต้องการของคนไข้ก่อน หลังจากที่แพทย์ให้คำปรึกษาแก่คนไข้แล้ว คนไข้ก็ต้องสินใจเลือกซิลิโคน เลือกขนาด CC และตำแหน่งที่ต้องการผ่าตัด ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ด้วย
ก่อนผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย ที่โรงพยาบาลเอเซียมีทีมวิสัญญีแพทย์ให้ยาสลบแก่คนไข้ก่อน แล้วจึงเริ่มทำการผ่าตัดเสริมก้น โดยพทย์จะเปิดแผลบริเวณสะโพกด้านหลัง (ร่องก้น) ความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละเคส เพื่อใส่ซิลิโคน ซึ่งซิลิโคนที่ใช้ก็จะเป็นไปตามที่ตกลงกับคนไข้ว่าต้องใช้ซิลโคนทรงกลมหรือซิลิโคนทรงหยดน้ำ เมื่อแพทย์ใส่ถุงซิลิโคนและจัดตำแหน่งของซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วก็จะทำการเย็บปิดแผลผ่าตัด
สำหรับคนไข้บางรายมีสะโพกที่หย่อนคล้อย หากต้องการยกกระชับ แพทย์จะทำการตัดแต่งผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กระชับก่อนที่จะเย็บปิดแผล หลังการผ่าตัดแพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อสะดวกต่อการปัสสาวะ เพราะหลังผ่าตัดคนไข้ไม่ควรลุกหรือขยับร่างกายมากจนเกินไป การผ่าตัดเสริมสะโพกใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดเสริมก้น เสริมสะโพก ผลลัพธ์ที่ได้ สะโพกจะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม สวยงามแบบธรรมชาติ
การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมสะโพก
การดูแลตัวเองหลังเสริมก้น เสริมสะโพก เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าพูดตามหลักการแพทย์แล้วโอกาสที่คนไข้จะพอใจในผลลัพธ์ค่อนข้างสูง
- หลังผ่าตัดคนไข้ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1-2 คืน
- หลังผ่าตัดในช่วงสัปดาห์แรก ห้ามนั่งทับโดยตรง เพราะแผลผ่าตัดยังไม่แข็งแรงมากพอ ถ้านั่งทับโดยตรงมีโอกาสที่แผลจะเปิดได้
- ห้ามฉีดน้ำล้างก้นในช่วงสัปดาห์แรก เพราะแผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณร่องก้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ในช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด ต้องระมัดระวังการขยับตัว หลังจากวันที่ 3 ก็สามารถลุกเดิน หรือขยับตัวอย่างช้าๆ
- สัปดาห์แรกหลังผ่าตัดแนะนำให้คนไข้นอนคว่ำก่อน เพื่อไม่ให้ทับแผลผ่าตัดและถุงซิลิโคนโดยตรง
- สัปดาห์ที่ 2 หลังผ่าตัด เริ่มนั่งบนเบาะรองนิ่มๆ ได้
- อาจมีอาการบวม บริเวณสะโพกหรือก้นนาน 1 ถึง 3 เดือน และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- สะโพกจะเริ่มเข้ารูปทรง และหายเป็นปกติในเวลา 6 ถึง 8 เดือน
- หลังผ่าตัด ควรใส่กางเกงยกกระชับอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยควบคุมซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และช่วยให้แผลผ่าตัดสมานตัวเร็วมากยิ่งขึ้น
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ถ้ามีโรคประจำตัวสามารถทำศัลยกรรม เสริมสะโพกได้หรือไม่ ?
ถ้าคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ว่าคนไข้เป็นในระดับไหน ถ้ามีความดันสูงมากๆ ทานยาแล้วความดันยังไม่ปกติ ก็ยังแนะนำให้ยังไม่ควรทำ เช่นเดียวกับถ้าเกิดเป็นเบาหวานแล้วคุมน้ำตาลไม่ได้เลย น้ำตาลสูง 200-300 ตลอด ก็ไม่แนะนำให้ทำ เพราะฉะนั้นการจะผ่าตัดศัลกรรมความงามเราถือว่าไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ ถ้ามีปัญหาเรื่องของสุขภาพควรรักษาให้หาก่อน หรือทานยาคุมอาการให้อยู่ในระดับปกติก่อนการผ่าตัดจะได้ไม่มีปัญหา
เสริมก้น: ก้นคือส่วนโค้งด้านหลัง สำหรับผู้ที่ไม่มีส่วนนูนก้านหลังหรือก้นแบน มักจะเสริมก้น
สะโพก: บริเวณด้านข้าง เพื่อเพิ่มส่วนเว้าของร่างกายให้สวยงามขึ้น
ตามหลักการแพทย์คนที่จะมีก้นกับสะโพกที่สวย ไม่ใช่ว่ายิ่งใหญ่ยิ่งสวย ตามหลักการแพทย์คือจะต้องมีสัดส่วนที่พอเหมาะ ก้นกับสะโพกที่สวยจะต้องไม่ห้อยหรือไม่ย้อย และไม่มีรอยหวำตรงด้านข้าง ภาษาแพทย์เรียกว่า Gluteal Depression เพราะถ้ามีรอยหวำตรงด้านข้างจะทำให้สะโพกไม่สวย เวลาดูสัดส่วนด้านข้าง สัดส่วนที่สวยงามจะต้องเคิร์ฟเป็นรูปตัว S ตั้งแต่บริเวณหลังมาที่เอว > ก้น > ต้นขาด้านล่าง หรือเรียกว่า เอสเชฟ
แต่ว่าความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะคนเอเชียหรือคนไทยจะไม่ชอบก้นหรือสะโพกที่ใหญ่มากๆ แตกต่างจากคนแอฟริกัน คนอเมริกัน หรือคนยุโรป โดยมากจะชอบเกินสัดส่วนที่มาตราฐานทางการแพทย์ ดังนั้นเวลาเสริมแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน แต่โดยปกติคนไทยหรือคนเอเซียที่เข้ารับเสริมก้น เสริมสะโพกที่โรงพยาบาลเอเซีย จะต้องการแค่เสริมให้มีสัดส่วน คนที่ก้นแบน ไม่มีก้นเลยก็ต้องการให้มีก้นหน่อย เพื่อให้ใส่เสื้อผ้าได้สวยเท่านั้นเอง
- ซิลิโคน การเสริมก้นด้วยซิลิโคน คล้ายกันกับที่ใช้ในการเสริมหน้าอก ซิลิโคนที่ใช้ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ว่ามีความปลอดภัย มีความยิดหยุ่นสูง ส่วนลักษณะรูปทรงของซิลิโคนจะแตกต่างกับซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก การเสริมก้นด้วยซิลิโคนอยู่ได้ถาวร และมีความปลอดภัยสูง
- ฉีดฟิลเลอร์ Filler หรือสารเติมเต็ม จะต้องฟิลเลอร์ในปริมาณมาก ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งการเสริมก้นด้วยฟิลเลอร์จะอยู่ได้เพียงชั่วคราว ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี เมื่อเวลาผ่านไปสารเติมเต็มฟิลเลอร์ก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
- ฉีดไขมัน ทำได้โดยการฉีดไขมันของตัวเองเพื่อเสริมก้นเสริมสะโพก หลักการทางการแพทย์จะนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย มาฉีดเสริมเข้าไปบริเวณสะโพกหรือก้น ข้อดีของการฉีดไขมันตัวเองก็คือมีความปลอดภัย เพราะเป็นไขมันของคนไข้เอง ส่วนข้อเสียคือเมื่อเวลาผ่านไป ไขมันที่ฉีดเข้าไปก็จะสลายตัวได้ตามกระบวนการของร่างกายทำให้รูปทรงเปลี่ยนไปด้วย
ความปลอดภัยของการเสริมก้นเสริมสะโพก บางคนเลือกที่จะเสริมก้อนเสริมสะโพกด้วยการฉีดสาร ซึ่งพบเยอะมาก ถ้าเป็นสารที่ไม่ได้มาตราฐานมันมีผลเสียมาก วิธีนี้ตามหลักการแพทย์ไม่แนะนำ เช่นการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตราฐาน ฉีดซิลิโคนเหลว ฉีดน้ำมันมะกอก ผลเสียที่ตามมาคือ สารเหล่านั้นจะแข็งเป็นก้อน หรือบางกรณีเกิดการไหลผิดรูป และเสี่ยงต่อการอักเสบสูงมาก “ราคาถูก ค่าใช้จ่ายน้อย” แต่ความเสี่ยงสูง การแก้ไขเลาะฟิลเลอร์ออกนั้นทำได้ยาก หากเลาะไม่ดีเลาะออกไม่หมดก็จะทำให้ก้นเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบเนียน เพราะฉะนั้นในปัจจุบันทางการแพทย์จึงแนะนำว่า ถ้าต้องการเสริมก้นเสริมสะโพกจริงๆ วิธีที่ปลอดภัยและได้มาตราฐานก็คือการเสริมด้วยถุงซิลิโคน
Tags: ก้นแบน, เสริมก้น, ผ่าตัดเสริมสะโพก, ศัลยกรรม, ซิลิโคน