ยกกระชับหน้าอก-แก้ปัญหาอกหย่อนคล้อย

ยกกระชับหน้าอก แก้หน้าอกยาน หน้าอกหย่อนคล้อย

การทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก ได้รับความสนใจและกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะการยกกระชับหน้าอกช่วยแก้ปัญหาและเติมเต็มร่องอกให้สวยงาม ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกได้หลายกรณี เช่น แก้ไขหน้าอกหย่อนคล้อย หลังคลอด แก้ไขหน้าอกไม่เท่ากัน โดยใช้วิธีการเสริมเติมเต็มหรือตัดส่วนเกิน เพื่อให้หน้าอกอวบอิ่มสวยงามแบบธรรมชาติ

โดยส่วนมากจะพบปัญหาหน้าอกไม่กระชับ หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกยาน หน้าอกไม่เท่ากัน ในกลุ่มของคุณแม่หลังคลอดบุตร การศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกด้วยการเสริมซิลิโคนก็เป็นอีกวิธีการแก้ปัญหาที่ได้รับความนิยม โดยการทำศัลยกรรมแก้ไขหน้าอกหย่อนคล้อยของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเซีย ดูแลผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ตกแต่ง ดูแลดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ มีอายุรแพทย์หัวใจดูแลเพื่อความปลอดภัย อุปกรณ์ครบครันทันสมัย ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ โรงพยาบาลมาตรฐานสากลระดับโลก JCI และเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์ผู้มากประสบการณ์


หน้าอกหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร

  1. คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่หลังคลอดบุตร ต่อมน้ำนมหยุดผลิตนม ส่งผลให้หน้าอกเหี่ยว อกแฟ่บ หน้าอกเล็กลง
  2. กรรมพันธุ์ มีหน้าอกใหญ่ ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยได้ง่าย
  3. ความอ้วน น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ไขมันสะสมบริเวณหน้าอก ทำให้หน้าอกใหญ่และนมห้อน นมยาน
  4. ลดน้ำหนักผิดวิธี น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังไม่กระชับ ทำให้หน้าอกหย่อน นมยาน ไม่กระชับ
  5. วัยที่เปลี่ยนแปลง เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและผิวหนังลดลง
  6. การออกกำลังการ เล่นกีฬา และใส่ชุดชั้นในแบบไม่ซัพพอร์ต

ยกกระชับหน้าอก


การประเมินของแพทย์ก่อนผ่าตัดยกกระชับหน้าอก

การผ่าตัดยกกระหน้าอก เป็นการศัลยกรรมเสริมหน้าอกแก้ปัญหารายบุคคล แต่ละคนก็จะมีปัญหาที่แต่งต่างกัน ซึ่งแพทย์จะใช้เทคนิคการผ่าตัดรักษาตามความเหมาะสม โดยจะประเมินดังนี้

  • ระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอก
  • ตำแหน่งปานนม และขนาดปานนม
  • ขนาดและรูปทรงของหน้าอก
  • ความยืดหยุ่นของผิว และความหย่อนของผิวหนังบริเวณหน้าอก

หน้าอกคุณหย่อนคล้อยระดับไหน

ระดับความหย่อนคล้อยหน้าอก

  • ระดับ 1 : ระดับปกติ ตำแหน่งหัวนมอยู่ในระดับตรงกลางเต้านม ชี้ตรงไปข้างหน้า ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องยกกระชับหน้าอก
  • ระดับ 2 : หน้าอกมีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย ปานนมอยู่ในตำแหน่งต่ำลงมาเล็กน้อย หัวนมชี้ลงด้านล่างเล็กน้อย กรณีนี้อาจไม่จำเป็นต้องยกกระชับหน้าอก ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละท่าน
  • ระดับ 3 : หน้าอกมีความหย่อนคล้อยปานกลาง ปานนมอยู่ในตำแหน่งที่คล้อยต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด หัวนมชี้ลงด้านล่างชัดเจน
  • ระดับ 4 : หน้าอกหย่อนคล้อยมาก เต้านมมีความหย่อนยานลงมาก เกือบถึงบริเวณสะดือ ปานนมและหัวนมชี้ลงพื้น

เทคนิคการศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก

การผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ยกกระชับให้หน้าอกกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ในการผ่าตัดแพทย์จะใช้การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ โดยใช้เวลาในการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกประมาณ 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการผ่าตัดของแต่ละเคส

เทคนิคการศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก

  1. เทคนิคผ่าตัดแบบรูปตัว T กลับหัว (Anchor) : เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยมาก มีเต้านมขนาดใหญ่ เพราะสามารถผ่าตัดย้ายปานนมได้ง่าย โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดแผลจากหัวนมลงมาถึงใต้ราวนม และกรีดแผลบริเวณใต้ราวนม เพื่อตัดเนื้อส่วนเกินออก
  2. เทคนิคผ่าตัดแผลแนวตั้ง (Lollipop) : เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมาก หัวนมยาน ระดับของหัวนมต่ำกว่าราวนม ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ในการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้แพทย์จะผ่าตัดเพื่อยกกระชับ เพื่อเลื่อนหัวนมให้สูงขึ้น และทำการผ่าตัดผิวหนังส่วนเกินออก ข้อดีของเทคนิคนี้คือผิวหนังหน้าอกด้านในและด้านนอก ขยับตำแหน่งเข้ามาอยู่ตรงกลาง ทำให้ทรวงอกมีรูปทรงสวยงาม
  3. เทคนิคผ่าตัดรูปโดนัท (Donut) : เทคนิค Donut เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยระดับปานกลาง โดยตำแหน่งของหัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับราวนมประมาณ 1 เซนติเมตร โดยในการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก แพทย์จะตัดผิวหนังรอบปานนมเป็นรูปโดนัทแล้วเย็บเข้าเพื่อให้หัวนมกระชับขึ้น ข้อควรระวังของเทคนิคนี้คือรอยแผลรอบปานนมอาจมองดูไม่สวยงาม
  4. เทคนิคผ่าตัดรูปพระจันทร์เสี้ยว (Crescent) : การผ่าตัดด้วยวิธีนี้แพทย์จะทำการผ่าตัดขอบของปานนมในลักษณะเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ เพื่อยกหัวนมและปานนมให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยเทคนิคการผ่าตัดนี้จะช่วยขยับตำแหน่งปานนมได้ 2-3 เซนติเมตร และยกระดับหัวนมขึ้นได้ 1-3 เซนติเมตร เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย

รีวิวยกกระชับหน้าอก


การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดยกกระชับหน้าอก

ในการผ่าตัดยกกระชับทรวงอกใช้เวลาการผ่าตัดประมาณ 4-6 ชั่วโมง โดยต้องดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ หลังผ่าตัด พักฟื้นที่โรงพยาบาล 1-2 คืน และนัดตรวจผลหลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์

ก่อนผ่าตัด 6 เดือน

  • เพื่อป้องกันไม่ให้แผลหายช้ากว่าปกติ งดยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน A (Isotretinoin)

ก่อนผ่าตัด 1 เดือน

  • เตรียมความพร้อมของร่างกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • งดสูบหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด
  • งดการสักบริเวณร่างกาย หรือเจาะ หากมีการใส่ห่วงเครื่องประดับ ในวันผ่าตัดต้องถอดออกก่อน
  • เลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน หรือใกล้มีประจำเดือน ในขั้นตอนนี้สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการผ่าตัด หรือเลื่อนประจำเดือน
  • งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน (หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์)
  • งดยาแก้ปวด กลุ่ม Nsaids เช่น ibuprofen, Nuprin, Aleve, Relafen,Naprosyn, Diclofenac เป็นต้น
  • งดวิตามิน อาหารเสริมทุกประเภท เช่น มัลติวิตามิน, น้ำมันปลา, โอเมก้า3, โคเอ็นไซม์คิวเท็น, โสม, น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส, กลูโคซามีน, แปะก๊วย, สมุนไพร เป็นต้น

นอกจากส่วนที่แนะนำไปด้านบนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยในการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก


การดูแลหลังผ่าตัดยกกระชับหน้าอก

  • หลังผ่าตัดอาจมีอาการเจ็บ หรือปวดบริเวณแผลบ้างเล็กน้อย
  • หลังผ่าตัดอาการมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเจ็บคอ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงจากการดมยาสลบ
  • ห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ หากปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ สามารถอาบน้ำได้ในวันถัดไป แต่ต้องระวังน้ำเข้าแผล
  • ในช่วง 7 วันหลังผ่าตัด งดยกของหนัก และเลี่ยงการยกแขนสูง งดออกกำลังกาย เพื่ออาจทำให้แผผลผ่าตัดอักเสบได้
  • ในช่วง 1-3 สัปดาห์หลังการผ่าตัด อาจมีอาการบวมช้ำ ทำให้เต้านมสองข้างดูมีขนาดต่างกัน รอประมาณ 1-2 เดือน ให้แผลยุบและเข้าที่
  • ในช่วง 3-6 เดือนหลังผ่าตัด อาจมีอาการชา ความรู้สึกน้อยบริเวณหน้าอกและหัวนม จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
  • ควรเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด
  • สวมใส่เสื้อชั้นในแบบที่โรงพยาบาลแนะนำ คือแบบไม่มีโครง 6-8 สัปดาห์ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันแผลแยก
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ นอนตะแคง เวลานอนควรใช้หมอนหนุน 2-3 ใบ เพื่อเพิ่มความสูง
  • ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัดยกกระชับหน้าอก งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ทานยาและปฏิบัติตามแพทย์สั่ง เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อ
  • ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มาก และงดอาหารหมักดอง และงดอาหารที่มีโซเดียมสูง